บอร์ด Esp8266 คือ
#เรื่องน่ารู้ด้านความปลอดภัย ไฟ(Fire) เกิดจากการรวมตัวขององค์ประกอบ 3 อย่าง คือ เชื้อเพลิง (Fuel) ความร้อน (Heat) และอากาศ (Oxygen) เพลิงไหม้เกิดจากไฟที่ลุกไหม้บนเชื้อเพลิงในสภาพแวดล้อมที่มีออกซิเจน หากต้องการดับไฟต้องทำให้องค์ประกอบใดองค์ประกอบหนึ่งหายไปหรือไม่เพียงพอต่อการเผาไหม้ เพลิงไหม้ในปัจจุบันแบ่งเป็น 5ประเภท 1. เพลิงไหม้ประเภท A (Ordinary Combustibles) เพลิงไหม้ประเภทนี้เกิดจากเชื้อเพลิงธรรมดาที่ติดไฟง่าย เช่น ไม้ ผ้า กระดาษ ขยะ พลาสติก สามารถดับได้ด้วยน้ำเปล่า 2. เพลิงไหม้ประเภท B (Flammable Liquids) เป็นเพลิงไหม้ที่เกิดจากเชื้อเพลิงที่เป็นของเหลวติดไฟ มีส่วนประกอบพื้นฐานเป็นน้ำมันดิบ น้ำมันก๊าซ น้ำมันเบนซิน และก๊าซไวไฟ เช่น บูเทน (Butane) หรือ โพรเพน (Propane) พบได้ในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการผลิตเชื้อเพลิง น้ำมันหล่อลื่น 3. เพลิงไหม้ประเภท C (Electrical Equipment) เป็นเพลิงไหม้ที่เกิดกับอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ยังมีกระแสไฟฟ้าอยู่ หรืออุปกรณ์ที่มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านอยู่ตลอดเวลา เช่น มอเตอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ตัวแปลงกระแสไฟฟ้า เป็นต้น เมื่อมีการชำรุดเสียหายอาจจะก่อให้เกิดเพลิงไหม้ประเภทนี้ได้ 4.
จุดไวไฟ (ติดไฟ) (Fire Point) คือ อุณหภูมิต่ำสุดที่ทำให้ไอระเหยของเชื้อเพลิงผสมกับอากาศนั้นเกิดลุกเป็นไฟไหม้ต่อเนื่องๆได้ โดยอาศัยเปลวไฟเป็นตัวจุด จุดติดไฟจะมีอุณหภูมิสูงกว่าจุดวาบไฟ 3. อุณหภูมิลุกไหม้ (อุณหภูมิติดไฟ) (Ignition Temperature) คือ อุณหภูมิต่ำสุดที่ทำให้ไอระเหยของวัตถุเชื้อเพลิงผสมกับอากาศพร้อมที่จะติดไฟได้เลยโดยไม่ต้องอาศัยเปลวไฟ หรือประกายไฟจากภายนอกเป็นตัวจุดอุณหภูมิที่ทำให้เกิดการลุกไหม้ขึ้นอยู่กับชนิดของของเหลวที่เป็นเชื้อเพลิง 4. ช่วงการเกิดไฟหรือการระเบิด (Flammable or explosive range) หมายถึงอัตราน้อยที่สุดจนถึงอัตรามากที่สุดของไอระเหยของของเหลวนั้นเข้าผสมกับอากาศซึ่งจะสามารถลุกไหม้หรือระเบิดได้เมื่อได้รับความร้อนจนถึงจุดติดไฟ อัตรานี้โดยทั่วไปจะวัดค่าเป็นเปอร์เซ็นต์ เช่น คาร์บอนไดซัลไฟด์ (Carbon disulfide) มีช่วงการระเบิด 1% ถึง 50% หมายความว่าถ้าในอากาศมีคาร์บอน ไดซัลไฟด์ผสมอยู่เกิน 1% แต่น้อยกว่า 50% ณ อัตราส่วนผสมนี้ (ระหว่างอากาศกับคาร์บอน ไดซัลไฟด์) สามารถจะระเบิดหรือลุกไหม้ถ้ามีความร้อนเข้ามาสัมผัส เชื้อเพลิงของไฟประเภท ข. ) มีจุวาบไฟต่ำกว่า 100 องศา ฟาเรนไฮด์ (37.
จนถึงปัจจุบัน เครื่องดับเพลิงประเภท D ชนิดเดียวคือ เครื่องดับเพลิงชนิด ผงแห้ง สารผงที่ใช้อาจเป็นผงแกรไฟต์ โซเดียมคลอไรด์แบบเม็ด หรือแบบทองแดง ซึ่งทั้งหมดนี้มีประสิทธิภาพในการแยกเชื้อเพลิง (โลหะที่ติดไฟได้) ออกจากออกซิเจน นอกจากนี้สิ่งที่อยู่ในถังดับเพลิงประเภท D คืออะไร? คลาสดี ไฟประเภท D เกี่ยวข้องกับโลหะที่ติดไฟได้ เช่น แมกนีเซียม ไททาเนียม โพแทสเซียม และโซเดียม รวมทั้งสารทำปฏิกิริยาออร์แกโนเมทัลลิกที่เป็นไพโรฟอริก เช่น อัลคิลลิเธียม กริกนาร์ด และไดเอทิลซิงค์ สารเหล่านี้เผาไหม้ที่อุณหภูมิสูงและจะทำปฏิกิริยารุนแรงกับน้ำ อากาศ คาร์บอนไดออกไซด์ และ/หรือสารเคมีอื่นๆ นอกจากนี้ ถังดับเพลิง 4 ประเภทมีอะไรบ้าง? เครื่องดับเพลิงมีสี่ประเภท - A, B, C และ D - และแต่ละชั้นสามารถดับไฟประเภทต่าง ๆ ได้ เครื่องดับเพลิงประเภท A จะดับไฟในสารที่ติดไฟได้ทั่วไป เช่น ไม้และกระดาษ เครื่องดับเพลิงประเภท B ใช้สำหรับของเหลวที่ติดไฟได้ เช่น จารบี น้ำมันเบนซิน และน้ำมัน ข้างบนนี้ไฟคลาส D คืออะไร? ไฟ ประเภท A มีลักษณะเป็นโลหะลุกไหม้ โลหะบางชนิดเท่านั้นที่ติดไฟได้ และตัวอย่างของโลหะที่ติดไฟได้ ได้แก่ โซเดียม โพแทสเซียม ยูเรเนียม ลิเธียม พลูโทเนียม และแคลเซียม โดย ไฟประเภท D ที่ พบบ่อยที่สุดคือแมกนีเซียมและไททาเนียม ถังดับเพลิง Class D สีอะไร?
bestofnaturalawards.com, 2024 | Sitemap